ข้อควรระวัง การกินยาพาราเซตามอล

     ยาพาราเซตามอล หรือยาแก้ปวด ถูกจัดให้เป็นเป็นยาสามัญประจำบ้านที่เกือบทุกบ้าน การกินยาแก้ปวดหรือยาพาราเซตามอล เมื่อเรามีอาการปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีไข้สูงตัวร้อน เพื่อเป็นการบรรเทาอาการดังที่ได้กล่าวมานั้น เป็นเรื่องปกติที่คนไทยทุกคนทำกัน แต่ขึ้นชื่อว่ายา ก็ต้องมีวิธีการทานยา และข้อห้ามต่างๆเกี่ยวกับยาพาราเซตามอล ที่ทุกท่านควรทราบ

ข้อควรระวัง การกินยาพาราเซตามอล

ข้อควรรู้ก่อนกินยาพาราเซตามอล (ยาแก้ปวด)
1. ควรกินยาแก้ปวด 1 เม็ดทุกเวลา 6 ชั่วโมง และห้ามกินยาแก้ปวดต่อเนื่องกันเกิน 7 วันโดยเด็ดขาด
2. ยาแก้ปวดไม่สามารถลดอาการปวดที่มีความเจ็บปวดอย่างรุนแรงได้ เช่น อาการปวดจากแผลผ่าตัด
3. หากมีอาการปวดหัวบ่อย โดยมากกว่า 15 วันต่อเดือน ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อให้การวินิจฉัยโดยด่วน
4. หากกินยาแก้ปวดเข้าไปแล้ว เกิดมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือมีอาการเบื่ออาหาร ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
5. ควรกินยาแก้ปวดเฉพาะเมื่อมีอาการเท่านั้น ห้ามกินยาแก้ปวดก่อนจะมีอาการโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นอาจได้รับยาแก้ปวดเกินขนาดได้
6. ถ้าหากเกิดลืมกินยาแก้ปวด เมื่อเข้าสู่อาหารมื้อต่อไป ก็ไม่ต้องกินยาเพิ่มเติมแต่อย่างใด และให้กินยาแก้ปวดในมื้อถัดไปนั้นตามปริมาณปกติเช่นเดิม
7. ยาแก้ปวดอาจไม่เหมาะสมสำหรับสตรีมีครรภ์ เพราะยาแก้ปวดดังกล่าว อาจจะเข้าไปสู่ร่างกายของทารกได้

ข้อห้ามเกี่ยวกับยาพาราเซตามอล
1. การกินยาแก้ปวดต้องไม่ทานเกิน 15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว โดยในยาแก้ปวด 1 เม็ดจะมีปริมาณยาอยู่ที่ 500 มิลลิกรัม
2. ห้ามกินยาแก้ปวดเกินวันละ 8 เม็ดโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ตับของเราต้องทำงานหนักเกินไป
3. การกินยาแก้ปวดห้ามกินร่วมกันกับยารักษาโรควัณโรคหรือยารักษาโรคลมชักโดยเด็ดขาด เพราะจะเป็นการไปเพิ่มการเป็นพิษต่อตับให้เพิ่มสูงขึ้น
4. ห้ามกินยาแก้ปวดร่วมกันกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งเพิ่มผลเสียให้กับตับ
5. ถ้าหากเป็นโรคหัวใจหรือเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไม่ควรกินยาแก้ปวดหรือยาพาราเซตามอล เพราะจะส่งผลทำให้โรคที่เป็นอยู่นั้นมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก
     ข้อที่ควรต้องระวังที่สุดก็คือ การกินยาแก้ปวดหรือยาพาราเซตามอล มากเกินขนาด คือ กินเกินวันละ 8 เม็ดหรือกินต่อเนื่องกันเป็นเวลานานเกินไปจะทำให้มีผลเสียต่อตับ ทำให้เกิดสภาวะตับอักเสบ คลื่นไส้อาเจียน และถ้าเซลล์ตับถูกทำลายอย่างมากก็อาจส่งผลถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นการกินยาแก้ปวดให้ปลอดภัย ต้องกินก็ต่อเมื่อมีอาการเท่านั้น

ที่มา : www.thailovehealth.com

Tags: ,