ดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน ความเชื่ออันตราย ?

     ทุกวันนี้มีข่าวสารทางการแพทย์แพร่ไปในสื่อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก อีเมล ไลน์ หนังสือพิมพ์ กูเกิล วิกิพีเดีย หรือสื่อโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่ไม่มีใครควบคุมการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อหลงจ่ายเงินซื้อยาซื้ออาหารเสริมกันมากมาย มีอยู่หลายเรื่องเป็นการให้ข้อมูลความเชื่อที่ผิดๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ เช่นการดื่มน้ำมากๆ ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว

ดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน ความเชื่ออันตราย

     ความคิดเรื่องการดื่มน้ำให้เพียงพอดูเหมือนจะขยายไปทั่วโลกเนื่องจากประเทศใหญ่ๆ เขาทำกัน เพราะตอนนี้ประเทศเหล่านั้นกำลังเป็นห่วงว่าเด็กๆ ของเขาจะมีภาวะขาดน้ำกันมาก อย่างเช่นในสหรัฐอเมริกาและในยุโรปเมื่อไม่นานมานี้มีการโต้เถียงกันเรื่องประชากรเด็กของเขามีภาวะขาดน้ำกันมากหรือไม่ มีการศึกษาหนึ่งตีพิมพ์ในวาสาร American Journal of Public Health Researchers ใช้ข้อมูลจากการสำรวจของ National Health and Nutrition Survey ตั้งแต่ปี 2009 – 2012 ซึ่งใช้ตัวเลขการตรวจความเข้มข้นของปัสสาวะเด็กที่เรียกว่าออสโมลาริตี (osmolarity) ตัวเลขออสโมลาริตีนี้ยิ่งมากยิ่งหมายถึงมีภาวะขาดน้ำมาก โดยใช้ตัวเลข 800 มิลิออสโมลต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมเป็นตัวตัดสิน ถ้าความเข้มของปัสสาวะเท่ากับหรือมากกว่านี้เขาถือว่ามีภาวะขาดน้ำ

     การใช้ตัวเลข 800 มิลิออสโมลมาตัดสินภาวะขาดน้ำเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันได้มาก นักวิชาการหลายคนกล่าวว่าขนาดตัวเลข 1,200 มิลิออสโมลยังอยู่ในเกณฑ์ปกติในตำราสรีรวิทยา และหมอเด็กส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้การตรวจปัสสาวะดังกล่าวเป็นตัวตัดสินว่าเด็กมีภาวะขาดน้ำหรือไม่ เขาโต้แย้งว่าการตรวจปัสสาวะเพื่อหาความเข้มข้นดังกล่าวจึงเป็นการหาเรื่องให้คำนิยามให้คนปกติเป็นโรคขึ้นมา

     ไม่ใช่เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่เป็นกังวลว่าเด็กจะขาดน้ำ ในฝรั่งเศสก็มีการศึกษาเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน โดยใช้ความเข้มข้นของปัสสาวะที่ 800 มิลิออสโมลมาเป็นตัวตัดสิน หลังจากศึกษาแล้วเขาก็ได้ข้อสรุปว่า “ลูกหลานเราส่วนใหญ่ 2 ใน 3 ขาดน้ำ

     การดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว (แก้วละ 250 ซีซี) นั้นมากเกินไป นักวิชาการหลายคนสงสัยเรื่องนี้กันมาก และจากการค้นหาข้อมูลพบว่ามีคนเชื่อว่าเรื่องนี้มาจากคำแนะนำของคณะกรรมการอาหารและโภชนาการของสหรัฐอเมริกาในปี 1945 ที่แนะนำว่าคนเราต้องการน้ำวันละ 2.5 ลิตร หรือ 2,500 ซีซี คนอ่านถึงตรงนี้แล้วก็นำข้อความนี้ไปตีความโดยไม่สนใจข้อความต่อไปที่ว่า ส่วนมากน้ำมีอยู่ในอาหารที่เรากินอยู่แล้ว เช่น ในข้าวสวย ข้าวต้ม ผัก ผลไม้ และมีน้ำออกมาจากปฏิกิริยาทางเคมีการเผาผลาญ (เมตาบอลิซึม) ของสารอาหารด้วย คนเราจึงไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำมากถึง 2,500 ซีซี แต่มีคนไปตีความผิดๆ ว่า ต้องดื่มวันละ 8 – 10 แก้ว (แก้วละ 250 ซีซี)

ดื่มน้ำมากเกินมีอันตราย

     ก่อนอื่นเราควรมาทำความเข้าใจเรื่องสารเกลือแร่ในเลือดกันเสียก่อน สารเกลือแร่ตัวสำคัญของเรื่องนี้คือ โซเดียม เพื่อความเข้าใจถึงอันตรายของการดื่มน้ำมากๆ กล่าวคือ ปกติน้ำในร่างกายของเราจะอยู่ไปทั่วทั้งในเซลล์และนอกเซลล์ ส่วนที่อยู่นอกเซลล์อาจจะอยู่ในระบบไหลเวียนหรือในหลอดเลือด หรืออีกส่วนหนึ่งคือในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (นอกหลอดเลือด) สารโซเดียมส่วนใหญ่จะอยู่นอกเซลล์ (อยู่ในเซลล์น้อย) สารตัวนี้มีความสำคัญตรงที่มีฤทธิ์ออสโมสิสดูดน้ำเข้าหาตัว (มี osmolarity สูง) ถ้ามีสารตัวนี้ในเลือดสูง (นอกเซลล์) มันจะดูดน้ำออกจากเซลล์ เช่น เวลาเรากินเกลือ (มีโซเดียมคลอไรด์) หรืออาหารเค็ม เราจะได้โซเดียมเข้าไปมาก ทำให้เลือดมีโซเดียมสูง มันจะมีฤทธิ์ดูดน้ำออกจากเซลล์ ทำให้เซลล์ทั่วไปรวมทั้งเซลล์สมองขาดน้ำ ลดขนาดของเซลล์ลง ทำให้เรากระหายน้ำ (ตามผับตามเทคจึงนิยมแจกมันฝรั่งทอดกรอบโรยเกลือให้ลูกค้ากินเพื่อจะได้สั่งน้ำกินเยอะๆ) ในทางตรงข้ามถ้าคนปกติดื่มน้ำเปล่าเข้าไปมาก น้ำจะไปทำให้ระดับโซเดียมในเลือดเจือจางลง ทำให้แรงดูดน้ำลดลง น้ำนอกเซลล์ก็จะเคลื่อนเข้าสู่ในเซลล์ทั่วร่างกาย ทำให้เซลล์บวมน้ำ เซลล์อื่นๆ บวมเล็กน้อยก็พอทำเนา แต่ถ้าเซลล์สมองบวมมันอันตราย

     เมื่อเซลล์สมองบวมก็เกิดอาการ น้ำเป็นพิษ (water intoxication) มีอาการทางสมอง เช่น ปวดหัว มึนซึม คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง ชัก หมดสติ อาการแบบนี้ถ้าเป็นมากขึ้นและแก้ไขไม่ทันอาจถึงตายได้ เพราะสมองที่บวมขึ้นจะถูกกะโหลกศีรษะซึ่งไม่ขยายตัวบีบรัดกดสมอง มีผลต่อการกดศูนย์การหายใจ ศูนย์ควรคุมการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด ฯลฯ ทำให้สมองไม่ทำงาน ความดันโลหิตตก หัวใจและการหายใจหยุดลงจนเสียชีวิตในที่สุด

รู้ได้อย่างไรว่าดื่มน้ำเพียงพอ
     การที่จะรู้ว่าดื่มน้ำเพียงพอแล้ว (โดยไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ ถ้ารู้สึกกระหายน้ำแสดงว่าขาดน้ำมากไปแล้ว ไม่ดี) คือดูที่ความถี่ของการปัสสาวะ และความเข้มขนของปัสสาวะที่ออกมา ถ้าเข้มมากก็ควรดื่มน้ำมากขึ้น การดื่มน้ำควรดูสถานการณ์แวดล้อมด้วย เช่น เรากินอาหารอะไร กินผักผลไม้มากไหม กินแกงจืดหรือไม่ ดื่มเครื่องดื่มมากแค่ไหน (อาหารพวกนี้มีน้ำมากอยู่แล้ว) และเวลาเล่นกีฬาก็ดื่มน้ำมากหน่อย แต่นักกีฬาก็ไม่ใช่จะดื่มน้ำมากเกินไปได้ เคยมีรายงานนักกีฬามาราธอนดื่มน้ำมากเกินจนน้ำเป็นพิษมาแล้ว นักกีฬาอาชีพปัจจุบันเขาจะไม่ดื่มน้ำแบบไม่มีหลักเกณฑ์ เช่น นักเทนนิสจะจิบน้ำเล็กน้อยทุกครั้งที่มานั่งพัก (พร้อมกินเกลือแร่หรือกินกล้วยซึ่งมีสารเกลือแร่) ไม่ดื่มน้ำมากเกิน นักมวยก็เช่นกัน ถ้านักมวยดื่มน้ำมากเกินจะทำให้กระเพาะปัสสาวะโป่ง เขาไม่ให้นักมวยพักเข้าห้องน้ำ นักมวยที่ดื่มน้ำมากก็ต้องทนให้กระเพาะปัสสาวะโป่งซึ่งเป็นอันตราย เวลาโดนต่อยมันอาจจะแตกได้ จึงมีกฎห้ามต่อยใต้เข็มขัดซึ่งเป็นที่อยู่ของกระเพาะปัสสาวะและอวัยวะเพศที่ไวต่อความเจ็บปวด

     นักวิจัยกล่าวว่าไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าการดื่มน้ำมากๆ จะมีผลดีต่อสุขภาพ บางคนไปอ้างว่าน้ำช่วยล้างพิษ ซึ่งส่วนมากมาจากคนนอกวงการแพทย์ที่ตั้งตัวเป็นกูรูทางการแพทย์ จากที่มีผู้ทบทวนวารสาร เราไม่พบหลักฐานว่าการดื่มน้ำมากจะมีผลดีต่อสุขภาพ หรือจะทำให้ผิวหนังเต่งตึงมีน้ำมีนวล (ถ้ามีก็ไม่มาก)

     ข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่มาทางสื่อออนไลน์ไม่ใช่จะจริงเสมอไป อย่าไปเชื่อจนหมดใจ ให้ยึดหลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้า ข้อมูลข่าวสารบางอย่างแม้จะมาจากวารสารการแพทย์ แต่พออยู่ไปสักพักก็มีข้อมูลใหม่ที่ดีกว่ามาขัดแย้งลบล้าง ดังนั้นถ้าได้รับข้อมูลทางไลน์มาว่าอย่างไร ก็ต้องฟังหูไว้หูก่อน อย่าปลงใจเชื่อ อย่าตื่นเต้นตื่นตูม อย่าลืมว่าดื่มน้ำมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดภาวะ “น้ำเป็นพิษ” สมองบวมถึงขนาดถูกห้ามเข้าโรงพยาบาลหรือโลงศพได้นะครับ

ที่มา : www.healthtoday.net

Tags: